Menu Close

สารเร่งเนื้อแดง เสี่ยงสารก่อมะเร็ง

สารเร่งเนื้อแดง ในหมู

สารเร่งเนื้อแดง เสี่ยงสารก่อมะเร็ง

    สำหรับประเทศไทยมีประกาศในกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมูอย่างเด็ดขาด” ผู้ใดลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมายมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2545 จนกระทั่งมีการปรับปรุงประกาศเมื่อ พ.ศ. 2559 เรื่องกำหนดวัตถุดิบที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ รวมถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546
 

สารเร่งเนื้อแดง คือ ?

และเภสัชจลนศาสตร์ของสารเร่งเนื้อแดง
 
     สารเร่งเนื้อแดง หรือ สารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์เป็นสารในกลุ่ม Catecholamine ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้ายNoradrenaline สามารถออกฤทธิ์เป็นได้ทั้งสารสื่อประสาทและฮอร์โมนโดยจะจับกับตัวรับโดยเฉพาะบนผิวเซลล์(Beta receptor) สามารถแบ่งตัวรับบนผิวเซลล์เป็น 2 ชนิด คือ เบต้าวัน (ß1) และเบต้าทู (ß2) ตัวรับเบต้าวันจะพบที่หัวใจและระบบประสาท ส่วนตัวรับเบต้าทูจะพบที่หลอดเลือด ท่อทางเดินอาหาร เซลล์ไขมันและเซลล์กล้ามเนื้อสามารถดูดซึมได้ดีโดยทางการกิน เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีความเข้มข้นสูงสุดในเลือดภายในเวลา 2.5 ชั่วโมง โดยมี
ค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 2.7-7 ชั่วโมง จากนั้นส่วนใหญ่จะถูก metabolite ที่ตับ และถูกกำจัดออกโดยทางไตเป็นหลัก โดยจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ 72% ของปริมาณที่ได้รับภายในเวลา 24 ชั่วโมงทางปัสสาวะและมีค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 4 ชั่วโมง (Douglas Pharmaceutical Ltd,1999)
 

Temp Pigatron 13

 

ในปัจจุบันมียาและสารเคมีที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นสารเร่งเนื้อแดงหลายตัว เช่น Salbutamol, Clenbuterol,Bromobuterol, Cimbuterol, Mapenterol, Mabuterol, Tolobuterol, Clenpenterol, Clenproperol,Terbutaline, Carbuterol, Cimaterol และ Ractopamine เป็นต้น
 

การออกฤทธิ์ของสารเร่งเนื้อแดง

 
พบว่าสารซัลบูตามอลมีผลทำให้สุกรกินอาหารลดลง ช่วยปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักสุกร(สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Hansen et al., 1997) และมีผลทำให้เปอร์เซ็นต์ไขมันรวมและกระดูกรวมในซากลดลงแต่มีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงในซากรวมเพิ่มขึ้น (สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Warriss et al., 1990 ;Yen al., 1990)
 

ข้อเสียและอันตรายของการใช้สารเร่งเนื้อแดง

 
    ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อตัวสัตว์ทำให้สัตว์เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วขึ้น ในสัตว์บางชนิดอาจพบการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้การสร้างความร้อนในตัวสัตว์ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สัตว์ทนต่อความร้อนได้ลดน้อยลงและอาจเกิดภาวะเครียดจากความร้อน (heat strees) ได้ (เรืองยุทธ , 2536) สำหรับในคนผลข้างเคียงคือ ทำให้กล้ามเนื้อโครงร่างสั่นกระตุก ขนลุก หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ ถ้าหากได้รับในปริมาณสูงจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน (Renoidand Prasdel, 1982 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539) นอกจากนี้พบว่าการได้รับซัลบูตามอลในการรักษาโดยการ
 
     กินในขนาดประมาณ 0.2-8.8 มิลลิกรัมของน้้ำหนักตัว ในผู้ป่วย 78 รายที่เป็นเด็กอายุ2-8 ปี พบว่าซัลบูตามอลที่กินเข้าไปทำให้เกิดความเป็นพิษได้ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ มีน้ำตาลในโลหิตสูงกว่าปกติ เกิดอาการกระวนกระวายใจอาเจียนและค่าของโปแตสเซียมในกระแสเลือดมีระดับต่ำ(Wiley et al., 1994 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539)และมีรายงานในปี2533 ในประเทศสเปน ประชาชนจำนวน 135 คนที่บริโภคตับโคที่มีสารเคลนบูเตอรอลตกค้างอยู่เข้าไป เกิดอาการกล้ามเนื้อสั่นกระตุก หัวใจเต้นเร็ว และบางรายมีอาการเป็นลม นอกจากนี้ยังพบอาการทางจิต
ประสาท อาการปวดหลัง หลังจากการบริโภคตับโคเข้าไปและอาการยังคงอยู่ต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 วัน (ยุพดีและคณะ, 2539)
 

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการปศุสัตว์

1. พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 โดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง กำหนดชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของอาหารสัตว์ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อขาย และกำหนดชื่อ ประเภท ชนิด ลักษณะ คุณสมบัติและ
 
ส่วนประกอบของวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ พ.ศ. 2545 ข้อ 2 ไม่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ทุกประเภทที่มียา เภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์ และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ ข้อ 3 ห้ามใช้ยาเภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์

 

2. กฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดโรคระบาด โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหาร พ.ศ. 2546 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 103ก วันที่ 15 ตุลาคม 2546 ข้อ 2 สัตว์ที่เป็นโรค หรือเป็นโรค หรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นตามมาตรา 23 ใน (33) สัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ ข้อ 3 เนื้อสัตว์ที่เป็นโรคหรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหารตามมาตรา 24 ใน (9) เนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์
 

Temp Pigatron 13

ข้อหารือเกี่ยวกับการใช้ Ractopamine

 
    สำหรับเรื่องการใช้ Ractopamine มติของคณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CodexAlimenttarius Commission) อ้างถึงหนังสือส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ สธ 1010/4/13251 ทางกรมปศุสัตว์ได้พิจารณาและให้ข้อคิดเห็นตามหนังสือเลขที่ กษ 0615/4413 โดยให้ข้อคิดเห็นว่า ในเรื่องการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควรให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ที่ห้ามใช้สารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ผสมลงในอาหารสัตว์ และกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดโรคระบาดสัตว์
 
โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหารพ.ศ. 2546 ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้สัตว์และเนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นอาหาร เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลักลอบใช้สารดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีข้อมูลการก าหนดระดับสารตกค้างในเครื่องในจากสัตว์ที่เป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยบริโภคเครื่องในทุกชนิด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สาร Ractopamine ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยและสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ ว่าไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวในประเทศไทยและเห็นชอบให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของกรมปศุสัตว์ ส่วนเรื่องการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากสุกร ให้ข้อคิดเห็นว่า ควรกำหนดมาตรฐานห้ามตรวจพบในเครื่องในชนิดอื่นซึ่ง Codex ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน และห้ามตรวจพบในสินค้าอาหารที่มาจากสัตว์ที่ผลิตในประเทศไทย 
 
    เพื่อประโยชน์ในการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ และสนับสนุนการส่งออก ซึ่งจะทำให้มาตรฐานสินค้าอาหารที่ผลิตจากประเทศไทยยังคงทัดเทียมกับต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ทั้งนี้คณะผู้เชี่ยวชาญJECFA ได้พิจารณาข้อมูลเอกสารการศึกษาสารตกค้างในสุกรของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว พบว่าหากให้ผู้บริโภครับประทานปอดปริมาณ 300 กรัมต่อวัน แทนการรับประทานตับและไต ผู้บริโภคจะได้รับสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย (ADI: Acceptable Daily Intake) ทั้งนี้ worse case scenario ที่ JECFA ใช้ในปัจจุบันสำหรับการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างจากยาสัตว์ในหนึ่งวัน คือ รับประทานกล้ามเนื้อ 300 กรัม ตับ 100 กรัม ไต 50 กรัมและไขมัน 50 กรัม เนื่องจากผู้ผลิตยาไม่ส่งข้อมูลสารตกค้างในเนื้อเยื่อชนิดอื่นให้ JECFA พิจารณา และยังไม่มีเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคที่คลอบคลุมถึงเครื่องในชนิดอื่น อีกทั้งยาส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ใช้เพื่อการป้องกันรักษาโรคไม่ได้ใช้กับสัตว์ทั่วไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพซากเหมือน Ractopamine โดยขนาดการใช้ในการศึกษาเพื่อกำหนดระดับความปลอดภัยจากยาสัตว์ตกค้างจะใช้ที่ระดับ 1 เท่าครึ่ง ของ maximum dose (ในขณะที่ข้อมูลสารตกค้างในปอดจากการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ยาตาม maximum dose เท่านั้น) (สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์, 2556 ) 
 

ข้อแนะนำในการเลือกซื้อเนื้อสุกร

 
    เนื้อสุกรที่ดีจะมีสีชมพูปนแดงเรื่อๆ นุ่ม ผิวเป็นมัน เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือมีสีเขียวและส่วนที่เป็นมันแข็งควรเป็นสีขาวขุ่น ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ กรณีซื้อเนื้อสุกรแช่เย็น ควรสังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันผลิตจนถึงวันที่ซื้อ ไม่ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรที่มีสีแดงเกินไปและมีไขมันบาง เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง เนื้อสุกรที่ปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงถ้าหั่นและปล่อยทิ้งไว้เนื้อสุกรจะมีลักษณะแห้ง ส่วนเนื้อสุกรปกติเมื่อหั่นทิ้งไว้จะพบน้ำซึมออกมาบริเวณผิวส่วนของสามชั้น เนื้อสุกรปกติจะมีเนื้อแดง 2 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (33%) แต่สำหรับเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงจะมีปริมาณเนื้อแดงสูงถึง 3 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (25%) นั่นคือมีเนื้อแดงมากกว่ามัน (กรมปศุสัตว์, 2554)
 
 

สารเร่งเนื้อแดง เสี่ยงสารก่อมะเร็ง

สำหรับประเทศไทยมีประกาศในกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมูอย่างเด็ดขาด” ผู้ใดลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมายมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2545 จนกระทั่งมีการปรับปรุงประกาศเมื่อ พ.ศ. 2559 เรื่องกำหนดวัตถุดิบที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ รวมถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546

 

สารเร่งเนื้อแดง คือ ? และเภสัชจลนศาสตร์ของสารเร่งเนื้อแดง

 
สารเร่งเนื้อแดง หรือ สารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์เป็นสารในกลุ่ม Catecholamine ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้ายNoradrenaline สามารถออกฤทธิ์เป็นได้ทั้งสารสื่อประสาทและฮอร์โมนโดยจะจับกับตัวรับโดยเฉพาะบนผิวเซลล์
(Beta receptor) สามารถแบ่งตัวรับบนผิวเซลล์เป็น 2 ชนิด คือ เบต้าวัน (ß1) และเบต้าทู (ß2) ตัวรับเบต้าวันจะพบที่หัวใจและระบบประสาท ส่วนตัวรับเบต้าทูจะพบที่หลอดเลือด ท่อทางเดินอาหาร เซลล์ไขมันและเซลล์กล้ามเนื้อ
สามารถดูดซึมได้ดีโดยทางการกิน เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีความเข้มข้นสูงสุดในเลือดภายในเวลา 2.5 ชั่วโมง โดยมีค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 2.7-7 ชั่วโมง จากนั้นส่วนใหญ่จะถูก metabolite ที่ตับ และถูก
กำจัดออกโดยทางไตเป็นหลัก โดยจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ 72% ของปริมาณที่ได้รับภายในเวลา 24 ชั่วโมงทางปัสสาวะและมีค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 4 ชั่วโมง (Douglas Pharmaceutical Ltd,1999)
 

Temp Pigatron 13

ชนิดตัวอย่างและยากลุ่มสารเร่งเนื้อแดง

 
ในปัจจุบันมียาและสารเคมีที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นสารเร่งเนื้อแดงหลายตัว เช่น Salbutamol, Clenbuterol,Bromobuterol, Cimbuterol, Mapenterol, Mabuterol, Tolobuterol, Clenpenterol, Clenproperol,Terbutaline, Carbuterol, Cimaterol และ Ractopamine เป็นต้น
 

การออกฤทธิ์ของสารเร่งเนื้อแดง

 
พบว่าสารซัลบูตามอลมีผลทำให้สุกรกินอาหารลดลง ช่วยปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักสุกร
(สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Hansen et al., 1997) และมีผลทำให้เปอร์เซ็นต์ไขมันรวมและกระดูกรวมในซากลดลงแต่มีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงในซากรวมเพิ่มขึ้น (สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Warriss et al., 1990 ;Yen al., 1990)
 

ข้อเสียและอันตรายของการใช้สารเร่งเนื้อแดง

 
ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อตัวสัตว์ทำให้สัตว์เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วขึ้น ในสัตว์บางชนิดอาจพบการตายของ
กล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้การสร้างความร้อนในตัวสัตว์ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สัตว์ทนต่อความร้อนได้ลดน้อยลงและอาจเกิดภาวะเครียดจากความร้อน (heat strees) ได้ (เรืองยุทธ , 2536) สำหรับในคนผลข้างเคียงคือ ทำให้กล้ามเนื้อ
โครงร่างสั่นกระตุก ขนลุก หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ ถ้าหากได้รับในปริมาณสูงจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน (Renoidand Prasdel, 1982 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539) นอกจากนี้พบว่าการได้รับซัลบูตามอลในการรักษาโดยการ
กินในขนาดประมาณ 0.2-8.8 มิลลิกรัมของน้้ำหนักตัว ในผู้ป่วย 78 รายที่เป็นเด็กอายุ2-8 ปี พบว่าซัลบูตามอลที่กินเข้าไปทำให้เกิดความเป็นพิษได้ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ มีน้ำตาลในโลหิตสูงกว่าปกติ เกิดอาการกระวนกระวายใจ
อาเจียนและค่าของโปแตสเซียมในกระแสเลือดมีระดับต่ำ(Wiley et al., 1994 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539)และมีรายงานในปี2533 ในประเทศสเปน ประชาชนจำนวน 135 คนที่บริโภคตับโคที่มีสารเคลนบูเตอรอลตกค้างอยู่
เข้าไป เกิดอาการกล้ามเนื้อสั่นกระตุก หัวใจเต้นเร็ว และบางรายมีอาการเป็นลม นอกจากนี้ยังพบอาการทางจิตประสาท อาการปวดหลัง หลังจากการบริโภคตับโคเข้าไปและอาการยังคงอยู่ต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 วัน (ยุพดีและคณะ, 2539)
 

Temp Pigatron 13

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการปศุสัตว์

 
1. พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 โดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง กำหนดชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของอาหารสัตว์ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อขาย และกำหนดชื่อ ประเภท ชนิด ลักษณะ คุณสมบัติและ ส่วนประกอบของวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ พ.ศ. 2545 ข้อ 2 ไม่อนุญาตให้
นำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ทุกประเภทที่มียา เภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์ และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่ง สำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ ข้อ 3 ห้ามใช้ยาเภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์ และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์
 
2. กฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดโรคระบาด โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้ เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหาร พ.ศ. 2546 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 103ก วันที่ 15 ตุลาคม 2546 ข้อ 2 สัตว์ที่ เป็นโรค หรือเป็นโรค หรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นตามมาตรา 23 ใน (33) สัตว์ที่มี สารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ ข้อ 3 เนื้อสัตว์ที่เป็นโรคหรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์
นั้นเป็นอาหารตามมาตรา 24 ใน (9) เนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์
 

ข้อหารือเกี่ยวกับการใช้ Ractopamine

 
สำหรับเรื่องการใช้ Ractopamine มติของคณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex
Alimenttarius Commission) อ้างถึงหนังสือส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ สธ 1010/4/13251 ทางกรม ปศุสัตว์ได้พิจารณาและให้ข้อคิดเห็นตามหนังสือเลขที่ กษ 0615/4413 โดยให้ข้อคิดเห็นว่า ในเรื่องการทบทวน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควรให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้พระราชบัญญัติ
 
ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ที่ห้ามใช้สารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ผสมลงในอาหารสัตว์ และกฎกระทรวงว่า ด้วยการกำหนดโรคระบาดสัตว์ โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหาร พ.ศ. 2546 ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้สัตว์และเนื้อสัตว์
 
ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นอาหาร เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลักลอบใช้สาร ดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีข้อมูลการก าหนดระดับสารตกค้างในเครื่องในจากสัตว์ที่เป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศ ในขณะที่
 
ผู้บริโภคชาวไทยบริโภคเครื่องในทุกชนิด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สาร Ractopamine ได้แก่ สมาคมผู้ผลิต อาหารสัตว์ไทยและสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ ว่าไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวในประเทศไทยและเห็นชอบให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของกรมปศุสัตว์ ส่วนเรื่องการทบทวนประกาศ
กระทรวงสาธารณสุขสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากสุกร ให้ข้อคิดเห็นว่า ควรกำหนดมาตรฐานห้ามตรวจพบใน เครื่องในชนิดอื่นซึ่ง Codex ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน และห้ามตรวจพบในสินค้าอาหารที่มาจากสัตว์ที่ผลิตในประเทศไทย 
 
เพื่อประโยชน์ในการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ และสนับสนุนการส่งออก ซึ่งจะทำให้
มาตรฐานสินค้าอาหารที่ผลิตจากประเทศไทยยังคงทัดเทียมกับต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ทั้งนี้คณะผู้เชี่ยวชาญ JECFA ได้พิจารณาข้อมูลเอกสารการศึกษาสารตกค้างในสุกรของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว พบว่าหากให้ผู้บริโภค
รับประทานปอดปริมาณ 300 กรัมต่อวัน แทนการรับประทานตับและไต ผู้บริโภคจะได้รับสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน ความปลอดภัย (ADI: Acceptable Daily Intake) ทั้งนี้ worse case scenario ที่ JECFA ใช้ในปัจจุบันสำหรับการ
 
บริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างจากยาสัตว์ในหนึ่งวัน คือ รับประทานกล้ามเนื้อ 300 กรัม ตับ 100 กรัม ไต 50 กรัม และไขมัน 50 กรัม เนื่องจากผู้ผลิตยาไม่ส่งข้อมูลสารตกค้างในเนื้อเยื่อชนิดอื่นให้ JECFA พิจารณา และยังไม่มีเกณฑ์
ในการประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคที่คลอบคลุมถึงเครื่องในชนิดอื่น อีกทั้งยาส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ใช้เพื่อการ ป้องกันรักษาโรคไม่ได้ใช้กับสัตว์ทั่วไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพซากเหมือน Ractopamine โดยขนาดการใช้ในการศึกษา
 
เพื่อกำหนดระดับความปลอดภัยจากยาสัตว์ตกค้างจะใช้ที่ระดับ 1 เท่าครึ่ง ของ maximum dose (ในขณะที่ข้อมูลสารตกค้างในปอดจากการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ยาตาม maximum dose เท่านั้น) (สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์, 2556 ) 
 

ข้อแนะนำในการเลือกซื้อเนื้อสุกร

 
เนื้อสุกรที่ดีจะมีสีชมพูปนแดงเรื่อๆ นุ่ม ผิวเป็นมัน เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือมีสีเขียวและส่วนที่เป็นมัน แข็งควรเป็นสีขาวขุ่น ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ กรณีซื้อเนื้อ สุกรแช่เย็น ควรสังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันผลิตจนถึงวันที่ซื้อ ไม่ควรเลือกซื้อเนื้อ สุกรที่มีสีแดงเกินไปและมีไขมันบาง เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง เนื้อสุกรที่ปนเปื้อนสารเร่ง เนื้อแดงถ้าหั่นและปล่อยทิ้งไว้เนื้อสุกรจะมีลักษณะแห้ง ส่วนเนื้อสุกรปกติเมื่อหั่นทิ้งไว้จะพบน้ำซึมออกมาบริเวณผิว
 
ส่วนของสามชั้น เนื้อสุกรปกติจะมีเนื้อแดง 2 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (33%) แต่สำหรับเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง จะมีปริมาณเนื้อแดงสูงถึง 3 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (25%) นั่นคือมีเนื้อแดงมากกว่ามัน (กรมปศุสัตว์, 2554)
 
 

สารเร่งเนื้อแดง เสี่ยงสารก่อมะเร็ง

 
สำหรับประเทศไทยมีประกาศในกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมูอย่างเด็ดขาด” ผู้ใดลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมายมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2545 จนกระทั่งมีการปรับปรุงประกาศเมื่อ พ.ศ. 2559 เรื่องกำหนดวัตถุดิบที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ รวมถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546
 
สารเร่งเนื้อแดง คือ ? และเภสัชจลนศาสตร์ของสารเร่งเนื้อแดง
สารเร่งเนื้อแดง หรือ สารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์เป็นสารในกลุ่ม Catecholamine ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้าย
Noradrenaline สามารถออกฤทธิ์เป็นได้ทั้งสารสื่อประสาทและฮอร์โมนโดยจะจับกับตัวรับโดยเฉพาะบนผิวเซลล์(Beta receptor) สามารถแบ่งตัวรับบนผิวเซลล์เป็น 
 
2 ชนิด คือ เบต้าวัน (ß1) และเบต้าทู (ß2) ตัวรับเบต้าวันจะพบที่หัวใจและระบบประสาท ส่วนตัวรับเบต้าทูจะพบที่หลอดเลือด ท่อทางเดินอาหาร เซลล์ไขมันและเซลล์กล้ามเนื้อ สามารถดูดซึมได้ดีโดยทางการกิน เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีความเข้มข้นสูงสุดในเลือดภายในเวลา 2.5 ชั่วโมง โดยมี ค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 2.7-7 ชั่วโมง จากนั้นส่วนใหญ่จะถูก metabolite ที่ตับ และถูก
 
กำจัดออกโดยทางไตเป็นหลัก โดยจะถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ 72% ของปริมาณที่ได้รับภายในเวลา 24 ชั่วโมงทางปัสสาวะและมีค่า Elimination half life ในเลือดที่ประมาณ 4 ชั่วโมง (Douglas Pharmaceutical Ltd,1999)
 

ชนิดตัวอย่างและยากลุ่มสารเร่งเนื้อแดง

 
ในปัจจุบันมียาและสารเคมีที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นสารเร่งเนื้อแดงหลายตัว เช่น Salbutamol, Clenbuterol,
Bromobuterol, Cimbuterol, Mapenterol, Mabuterol, Tolobuterol, Clenpenterol, Clenproperol,Terbutaline, Carbuterol, Cimaterol และ Ractopamine เป็นต้น
 
การออกฤทธิ์ของสารเร่งเนื้อแดง
 
พบว่าสารซัลบูตามอลมีผลทำให้สุกรกินอาหารลดลง ช่วยปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักสุกร
(สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Hansen et al., 1997) และมีผลทำให้เปอร์เซ็นต์ไขมันรวมและกระดูกรวมในซากลดลงแต่มีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงในซากรวมเพิ่มขึ้น (สมโภชน์และคณะ, 2538 ; Warriss et al., 1990 ;Yen al., 1990)
 

Temp Pigatron 13

ข้อเสียและอันตรายของการใช้สารเร่งเนื้อแดง
ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อตัวสัตว์ทำให้สัตว์เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วขึ้น ในสัตว์บางชนิดอาจพบการตายของ
กล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้การสร้างความร้อนในตัวสัตว์ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สัตว์ทนต่อความร้อนได้ลดน้อยลงและ
 
อาจเกิดภาวะเครียดจากความร้อน (heat strees) ได้ (เรืองยุทธ , 2536) สำหรับในคนผลข้างเคียงคือ ทำให้กล้ามเนื้อโครงร่างสั่นกระตุก ขนลุก หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ ถ้าหากได้รับในปริมาณสูงจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน (Renoidand Prasdel, 1982 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539) นอกจากนี้พบว่าการได้รับซัลบูตามอลในการรักษาโดยการ
 
กินในขนาดประมาณ 0.2-8.8 มิลลิกรัมของน้้ำหนักตัว ในผู้ป่วย 78 รายที่เป็นเด็กอายุ2-8 ปี พบว่าซัลบูตามอลที่กินเข้าไปทำให้เกิดความเป็นพิษได้ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ มีน้ำตาลในโลหิตสูงกว่าปกติ เกิดอาการกระวนกระวายใจ
 
อาเจียนและค่าของโปแตสเซียมในกระแสเลือดมีระดับต่ำ(Wiley et al., 1994 อ้างโดยสมบูรณ์และคณะ, 2539)และมีรายงานในปี2533 ในประเทศสเปน ประชาชนจำนวน 135 คนที่บริโภคตับโคที่มีสารเคลนบูเตอรอลตกค้างอยู่
 
เข้าไป เกิดอาการกล้ามเนื้อสั่นกระตุก หัวใจเต้นเร็ว และบางรายมีอาการเป็นลม นอกจากนี้ยังพบอาการทางจิตประสาท อาการปวดหลัง หลังจากการบริโภคตับโคเข้าไปและอาการยังคงอยู่ต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 วัน (ยุพดีและคณะ, 2539)
 

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการปศุสัตว์

1. พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุม
 
คุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 โดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง กำหนดชื่อ ประเภท ชนิด
หรือลักษณะของอาหารสัตว์ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อขาย และกำหนดชื่อ ประเภท ชนิด ลักษณะ คุณสมบัติและส่วนประกอบของวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ พ.ศ. 2545 ข้อ 2 ไม่อนุญาตให้นำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ทุกประเภทที่มียา เภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์ และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่ง
 
สำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ ข้อ 3 ห้ามใช้ยาเภสัชเคมีภัณฑ์ เกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์และเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป กลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ เป็นวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์
 
2. กฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดโรคระบาด โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้
 
เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหาร พ.ศ. 2546 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 103ก วันที่ 15 ตุลาคม 2546 ข้อ 2 สัตว์ที่เป็นโรค หรือเป็นโรค หรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นตามมาตรา 23 ใน (33) สัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ ข้อ 3 เนื้อสัตว์ที่เป็นโรคหรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหารตามมาตรา 24 ใน (9) เนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์

 

ข้อหารือเกี่ยวกับการใช้ Ractopamine

 
สำหรับเรื่องการใช้ Ractopamine มติของคณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex
Alimenttarius Commission) อ้างถึงหนังสือส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ สธ 1010/4/13251 ทางกรมปศุสัตว์ได้พิจารณาและให้ข้อคิดเห็นตามหนังสือเลขที่ กษ 0615/4413 โดยให้ข้อคิดเห็นว่า ในเรื่องการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควรให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้พระราชบัญญัติ
 
ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525 ที่ห้ามใช้สารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ผสมลงในอาหารสัตว์ และกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดโรคระบาดสัตว์ โรคหรือลักษณะของสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหาร
 
พ.ศ. 2546 ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้สัตว์และเนื้อสัตว์
ที่มีสารตกค้างกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นอาหาร เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลักลอบใช้สารดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีข้อมูลการก าหนดระดับสารตกค้างในเครื่องในจากสัตว์ที่เป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศ ในขณะที่
 
ผู้บริโภคชาวไทยบริโภคเครื่องในทุกชนิด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สาร Ractopamine ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยและสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ ว่าไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ใช้สาร
 
ดังกล่าวในประเทศไทยและเห็นชอบให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของกรมปศุสัตว์ ส่วนเรื่องการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจากสุกร ให้ข้อคิดเห็นว่า ควรกำหนดมาตรฐานห้ามตรวจพบใน
 
เครื่องในชนิดอื่นซึ่ง Codex ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน และห้ามตรวจพบในสินค้าอาหารที่มาจากสัตว์ที่ผลิตในประเทศไทย 
 

Temp Pigatron 13

พื่อประโยชน์ในการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ และสนับสนุนการส่งออก ซึ่งจะทำให้
 
มาตรฐานสินค้าอาหารที่ผลิตจากประเทศไทยยังคงทัดเทียมกับต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ทั้งนี้คณะผู้เชี่ยวชาญJECFA ได้พิจารณาข้อมูลเอกสารการศึกษาสารตกค้างในสุกรของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว พบว่าหากให้ผู้บริโภค
 
รับประทานปอดปริมาณ 300 กรัมต่อวัน แทนการรับประทานตับและไต ผู้บริโภคจะได้รับสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย (ADI: Acceptable Daily Intake) ทั้งนี้ worse case scenario ที่ JECFA ใช้ในปัจจุบันสำหรับการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีสารตกค้างจากยาสัตว์ในหนึ่งวัน คือ รับประทานกล้ามเนื้อ 300 กรัม ตับ 100 กรัม ไต 50 กรัม
 
และไขมัน 50 กรัม เนื่องจากผู้ผลิตยาไม่ส่งข้อมูลสารตกค้างในเนื้อเยื่อชนิดอื่นให้ JECFA พิจารณา และยังไม่มีเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคที่คลอบคลุมถึงเครื่องในชนิดอื่น อีกทั้งยาส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ใช้เพื่อการ
 
ป้องกันรักษาโรคไม่ได้ใช้กับสัตว์ทั่วไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพซากเหมือน Ractopamine โดยขนาดการใช้ในการศึกษาเพื่อกำหนดระดับความปลอดภัยจากยาสัตว์ตกค้างจะใช้ที่ระดับ 1 เท่าครึ่ง ของ maximum dose (ในขณะที่ข้อมูลสารตกค้างในปอดจากการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ยาตาม maximum dose เท่านั้น) (สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์, 2556 ) 
 
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อเนื้อสุกร
เนื้อสุกรที่ดีจะมีสีชมพูปนแดงเรื่อๆ นุ่ม ผิวเป็นมัน เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือมีสีเขียวและส่วนที่เป็นมัน
แข็งควรเป็นสีขาวขุ่น ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ กรณีซื้อเนื้อ
 
สุกรแช่เย็น ควรสังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันผลิตจนถึงวันที่ซื้อ ไม่ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรที่มีสีแดงเกินไปและมีไขมันบาง เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง เนื้อสุกรที่ปนเปื้อนสารเร่ง
 
เนื้อแดงถ้าหั่นและปล่อยทิ้งไว้เนื้อสุกรจะมีลักษณะแห้ง ส่วนเนื้อสุกรปกติเมื่อหั่นทิ้งไว้จะพบน้ำซึมออกมาบริเวณผิวส่วนของสามชั้น เนื้อสุกรปกติจะมีเนื้อแดง 2 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (33%) แต่สำหรับเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง
 
จะมีปริมาณเนื้อแดงสูงถึง 3 ส่วนต่อมัน 1 ส่วน (25%) นั่นคือมีเนื้อแดงมากกว่ามัน (กรมปศุสัตว์, 2554)
 
 
 
🔥ฉีกทุกกฏการเลี้ยง ให้เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วของคุณ

💥  Temp Pigatron 13  !!💥

⚡อิสระ⚡ ในการตั้งโปรแกรมอุณหภูมิสำหรับพัดลม, ป๊มน้ำ และฮีตเตอร์ ตามอายุของสัตว์เลี้ยงได้
⚡อิสระ⚡ ในการเลือก เปิด/ปิด พัดลม ตามวันและเวลาได้
📣ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ เพื่อให้การเลี้ยงของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
✅ด้วยระบบ เก็บข้อมูลค่าสูงสุดหรือต่ำสุดของอุณหภูมิและความชื้น
✅ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติของ อุณภูมิ, ความชื้น และเซนเซอร์
📣เข้าชมสินค้าของเราเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
👇👇👇Click the link below for more information👇👇👇
https://tempclimatecontroller.com/
 
#climatecontroller  #piggy #farm  #smartfarm #temperaturecontroller #pigfarm  #climate #humiditycontroller #controller  #carbondioxide #ammonia  #sensors #automaticcontroller  #chicken #pig #ฟาร์ม  #ฟาร์มไก่  #ฟาร์มหมู #สมาร์ทฟาร์ม  #เลี้ยงไก่  #ไก่ไข่ #ไก่เนื้อ  #คอนโทรลเลอร์  #เซนเซอร์อุณหภูมิ  #เซนเซอร์ความชื้น
 
 

1 Comment

  1. Pingback:Red meat accelerator carcinogenic risk - Siam Water Flame

Comments are closed.

error: เนื้อหาได้รับการคุ้มครอง !!